– ห้องนอนเปรียบเสมือนสวรรค์เล็กๆ ในบ้าน เมื่อกลับถึงบ้าน ห้องนอนเป็นที่ที่คุณอยากผ่อนคลายมากที่สุด หลังจากที่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาอันแสนหนักหน่วงจากการเดินทาง การเรียน และการทำงาน คุณอาจคิดถึงห้องนี้เป็นจุดหมายแรก แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ เฟอร์นิเจอร์ห้องนอน เช่น โซฟานุ่มๆ โต๊ะเขียนหนังสือ หรือที่นั่งโปรดตอนดูทีวี
จะว่าไปแล้วห้องนอนมีบทบาทกับชีวิตตั้งแต่เริ่มตื่นนอน เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ให้ความสุขเล็กๆ เมื่อมีความสุขกายสบายใจ เมื่อคุณได้อยู่กับตัวเอง มักจะมีไอเดียมีมุมมองใหม่เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เสมอ เฉกเช่นเดียวกับ เฟอร์นิเจอร์ ที่ใช้ตกแต่งภายในห้อง ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย และบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของคุณผ่านเฟอร์นิเจอร์ด้วยนะคะ
“เตียงนอน” เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักของห้องนอน เมื่อไรที่คุณหลับตา อยากจะทิ้งร่างลงบนเตียงนุ่มๆ ที่แสนสบาย และมีพื้นที่เพียงพอไม่ทำให้อึดอัด เพราะฉะนั้น การเลือกขนาดของเตียงนอนก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยนะคะ
เตียงนอนนั้นมีหลายขนาดให้เลือกซื้อตามความเหมาะสมกับการใช้งาน ตั้งแต่เตียงเดี่ยว Twin Bed หรือ Single Bed ขนาดมาตรฐาน 3.5 ฟุต ส่วนเตียงคู่ มี 2 ขนาด คือ Queen Size ขนาด 5 ฟุต และ King Size ขนาด 6 ฟุต สำหรับนอนสองคนสบายๆ
หรือใครที่ชอบมีพื้นที่กว้างหน่อย ก็เลือกเป็นเตียงขนาด 6 ฟุต นอกเหนือจากขนาดเตียงแล้ว อีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ พื้นที่รอบเตียง ควรเว้นระยะให้เพียงพอสำหรับการขึ้นลงเตียงด้วยนะคะ
**ระยะรอบเตียงที่เหมาะสม ควรเว้นไว้อย่างน้อยข้างละ 60 เซนติเมตร ส่วนระยะปลายเตียงควรเว้นอย่างน้อย 80 เซนติเมตร**
เตียงนอนทั้ง 2 ประเภทนี้มีข้อดีที่แตกต่างกัน เตียงขาโปร่งจะมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายและทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ถ้าห้องมีขนาดเล็ก ควรเลือกเตียงประเภทขาโปร่ง เพราะจะทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด ถ้าชอบความรู้สึกมั่นคง แข็งแรง มีห้องนอนค่อนข้างกว้าง เลือกเตียงแบบฐานทึบก็ได้ค่ะ ที่สำคัญเตียงประเภทนี้ยังออกแบบเพิ่มเติมให้มีลิ้นชัก หรือช่องเก็บของบริเวณใต้เตียง สามารถเก็บของได้เยอะจุใจ และประหยัดพื้นที่ใช้สอยอีกด้วย
ตู้เสื้อผ้าเป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่มักจะมาคู่กับเตียงนอน ไว้สำหรับเก็บเสื้อผ้า สัมภาระของใช้ส่วนตัว ปัจจุบันนักออกแบบได้ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ และพื้นที่ใช้สอยภายในตู้ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า ของมีค่าต่างๆ รวมถึงการออกแบบให้สามารถรองรับกับพื้นที่ภายในห้องได้อย่างลงตัว
สำหรับห้องนอนที่มีพื้นที่ค่อนข้างน้อย เหมาะกับตู้เสื้อผ้าแบบ Closet ที่เปิดโล่ง คล้ายกับราวแขวนเสื้อผ้า แต่มีชั้นวางสำหรับใส่เสื้อผ้า หรือสัมภาระอื่นๆ ข้อจำกัดของตู้เสื้อผ้าแบบ Closet คือ ความจุน้อย ข้อดีก็คือ ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเกินไป
ส่วนตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน (Built in) มักจะออกแบบให้มีความสูงตั้งแต่พื้นจนถึงเพดาน จึงทำให้มีพื้นที่เก็บของ และประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากขึ้น ขนาดความกว้างมีตั้งแต่ 0.60 – 0.65 เมตร ข้อดีคือ ตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อิน ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นแหล่งสะสมฝุ่นละออง
เมื่อเทียบกับตู้แบบลอยตัวที่มักจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับความสะอาด เพราะบริเวณหลังตู้จะเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละออง ทำความสะอาดยาก ทำให้เกิดอาการแพ้ฝุ่น และเจ็บป่วยได้ อีกทั้งสัมภาระต่างๆ ที่เก็บไว้หลังตู้ยังทำลายบรรยากาศภายในห้องนอน มองแล้วไม่สวยงามค่ะ
ห้องนอนขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถจัดสรรมุมใดมุมหนึ่งให้เป็นพื้นที่สำหรับแต่งตัวโดยเฉพาะ เหมาะกับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะ เรียกว่า วอล์ค อิน คลอเซ็ต (Walk-in Closet) คือ การแบ่งกั้นพื้นที่ด้วยประตูเข้า-ออก ภายในมักจะติดตั้งตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน (Built in) พร้อมกับโต๊ะเครื่องแป้ง หรือบางคนไม่อยากทำให้พื้นที่ภายในรู้สึกอึดอัด ก็สามารถเลือกติดตั้งบานกระจกบนผนังห้องในบางมุมได้ เพราะนอกจากจะสามารถส่องกระจกเช็กความสวยความหล่อ ตั้งแต่หัวจรดเท้าได้แล้ว ยังทำให้ภายในห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย
เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นสำคัญโดยเฉพาะสำหรับสาวๆ เอาไว้วางข้าวของเครื่องใช้ เครื่องสำอาง กระจกเงาทั้งแบบนั่งและแบบยืน แต่คนส่วนใหญ่นิยมใช้โต๊ะเครื่องแป้งแบบนั่งที่มีเก้าอี้สตูตัวเล็กมากกว่า เพราะโต๊ะเครื่องแป้งแบบนั่งทำให้สะดวกเวลาแต่งหน้า ทำผม ส่วนขนาดของโต๊ะเครื่องแป้งแบบนั่ง ประมาณ 0.45 x 1.20 x 0.70 เมตร แต่ข้อจำกัดคือ ส่วนใหญ่กระจกเงาที่ติดมาจะส่องไม่เห็นเต็มตัว
ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งแบบยืนพร้อมกระจกเงา อาจจะเหมาะกับผู้ชายมากกว่า เพราะหนุ่มๆ ไม่เน้นใช้พื้นที่วางของเยอะนัก ขอให้มีกระจกเอาไว้ส่องดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมก็พอ ซึ่งขนาดของโต๊ะเครื่องแป้งแบบยืน ประมาณ 80x45x165-200 เซนติเมตร
ในห้องนอนอาจไม่จำเป็นต้องวางโต๊ะทำงานเสมอไป อาจจะมีแค่โต๊ะเล็กๆ เอาไว้วางข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น แค่เป็นพื้นที่นั่งทำงาน หรืออ่านหนังสือก่อนเข้านอน แต่บางท่านอาจต้องการฟังก์ชั่นมากกว่านั้น สามารถเป็นได้ทั้งโต๊ะทำงาน และชั้นวางของในชิ้นเดียว ขนาดโต๊ะที่แนะนำ ตั้งแต่ 0.5. x 1.20 x 0.75 เมตร และ 0.60 x 1.50 x 0.75 เมตร สำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัด มีชั้นวางพร้อมโต๊ะที่สามารถพับเก็บให้เลือกซื้อมากมาย ส่วนเก้าอี้สำหรับโต๊ะทำงาน ขนาดมาตรฐาน 0.50 x 0.60 x 0.45 เมตร
หลังจากได้คำตอบเรื่องของขนาดแล้ว มาดูเรื่องสวยๆ งามๆ กันบ้างค่ะ ส่วนใหญ่เรามักจะตัดสินใจเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์จากรูปลักษณ์ภายนอก แต่ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับบรรยากาศภายในห้องนอน ไม่ว่าจะเป็นสีโทนอ่อน เช่น สีขาว สีครีม หรือเป็นลายไม้ธรรมชาติ จะช่วยให้รู้สึกโปร่ง โล่ง ผ่อนคลาย แต่ถ้าใครชอบโทนสีเข้ม เช่น สีดำ สีเทา เพื่อให้เข้ากับห้องสไตล์โมเดิร์น (Model style) ก็ควรเลือกเส้นสายที่เรียบง่าย ไม่ควรมีลวดลายมากเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตา
เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นของคู่กัน ก็คือ โต๊ะกับเก้าอี้ หากยังมีพื้นที่ภายในห้องเหลืออยู่ ลองหาเก้าอี้สักตัวมาจัดวางไว้ กลายเป็นมุมโปรดของห้อง จะได้นั่งเล่นเอนตัวอ่านหนังสือ ดูทีวีก่อนเข้านอนก็เพลินดีนะคะ เรามีแบบเก้าอี้ที่อยากแนะนำกันค่ะ
แบบ Armchair เพราะสามารถวางแขนได้สบาย มีแบบเก้าอี้สตูเล็กๆ ไว้สำหรับวางขา ให้เหยียดขา แต่ก่อนจะเลือกซื้อ ควรลองนั่งพอดีกับตัวเรา ไม่เช่นนั้นจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หรือเกิดอาการเมื่อยหลังได้
แบบ Day Bed หรือโซฟากึ่งเตียง เป็นโซฟาที่เราสามารถนั่งเล่น หรือนอนเล่นก็ได้ ใช้พื้นที่ไม่มาก มีให้เลือกหลายขนาดตามที่ต้องการ
อีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับพื้นที่ขนาดเล็กคือ เบาะและฟูก หรือจะมองหา Bean bag เบาะกลมๆ หนานุ่ม เอาไว้เอนหลัง นั่งเล่นได้สบายไม่แพ้กัน หลายคนสนใจเลือก Bean bag เพราะทั้งน่ารัก เบา ติดตั้งง่าย เรียกว่าจับไปวางตรงไหนก็กลายเป็นมุมนั่งเล่นได้เลย แถมราคาถูกอีกด้วย
ความผ่อนคลายมักจะควบคู่กับบรรยากาศที่ดี ห้องนอน คือ พื้นที่ที่ทำให้เรารู้สึกสบาย “แสง” ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีในห้องนอนเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ห้องนอนควรมีแสงสว่างที่เหมาะสม ควรเลือกโคมไฟที่ไม่ส่องสว่างมากเกินไป เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ
ดังนั้น ควรเลือกแสงโทนอบอุ่น หรือแสงปนส้มอ่อนๆ (Warm white) ตำแหน่งติดตั้งโคมไฟควรอยู่บริเวณหัวเตียง หรือปลายเตียง โคมไฟมีทั้งแบบตั้งโต๊ะติดเพดาน และแบบติดผนัง สามารถเลือกได้ตามความชอบ แต่บางคนที่เบื่อง่าย แนะนำเป็นแบบตั้งโต๊ะ เพราะวันไหนที่รู้สึกเบื่อก็สามารถขยับเคลื่อนย้ายได้
**สำหรับในช่วงกลางวัน ควรให้มีแสงธรรมชาติส่องถึงภายในห้องนอน ไม่ควรปิดห้องทึบ เพราะแสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค และทำให้มีอากาศถ่ายเทหมุนเวียนภายในห้องด้วย**
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อแนะนำเบื้องต้นนะคะ หากกำลังเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งห้องนอน ลองหยิบไอเดียนี้ไปประกอบการพิจารณาดูนะคะ นอกจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักที่ Gurubaan ได้แนะนำไปนั้น คุณลองหาของตกแต่งเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น กรอบรูป ผลงานศิลปะ หรือเพิ่มพื้นที่สีเขียวเล็กๆ ไว้ในห้อง ก็ช่วยสร้างบรรยากาศสดชื่น ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดีค่ะ
การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนอนนั้นเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญมาก เพราะห้องนอนเป็นสวรรค์น้อยๆ ของคุณ เป็นที่พักผ่อนโดยไม่ต้องออกไปไหน การสร้างบรรยากาศในห้องนอนที่อบอุ่น ผ่อนคลาย เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รู้สึกปลดปล่อยอิสระจากความเครียด ความวุ่นวาย และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างพลังให้พร้อมรับวันใหม่อีกครั้งค่ะ